วิกฤตการณ์ของ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อแชมป์เก่าดิ่งสู่เหวลึก

อนาคตที่ไม่แน่นอนของ รุด ฟาน นิสเตลรอย (Ruud van Nistelrooy) บนเส้นทางที่ยากลำบาก ความไม่แน่นอนกำลังปกคลุมอนาคตของ รุด ฟาน นิสเตลรอย (Ruud van Nistelrooy) กับตำแหน่งผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ (Leicester City) หลังจากการตกชั้นอย่างเป็นทางการของทีมจาก พรีเมียร์ลีก (Premier League) สู่ แชมเปี้ยนชิพ (Championship) ในฤดูกาลนี้ อดีตกองหน้าระดับตำนานชาว เนเธอร์แลนด์ (Netherlands) วัย 48 ปี ได้เปิดเผยว่าเขาได้หารือกับเจ้าของสโมสรและคณะกรรมการบริหารเกี่ยวกับแผนการในอนาคต แต่ยังคงรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย "ผมได้นำเสนอวิสัยทัศน์ของผมว่าเราควรจะก้าวต่อไปอย่างไรในฐานะสโมสร" ฟาน นิสเตลรอย (van Nistelrooy) กล่าว "ผมมีแผนชัดเจนในการนำ เลสเตอร์ กลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้ง แต่ตอนนี้เรากำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรับแนวทางให้สอดคล้องกัน ซึ่งผมเชื่อว่ายิ่งตัดสินใจเร็วเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อสโมสรมากเท่านั้น"

จากความรุ่งโรจน์สู่ความตกต่ำ การเดินทางอันขมขื่นของ เลสเตอร์ ซิตี้

การตกชั้นครั้งนี้เป็นความผิดหวังอย่างมากสำหรับ เลสเตอร์ ซิตี้ ทีมที่เคยสร้างปรากฏการณ์สั่นสะเทือนวงการฟุตบอลโลกด้วยการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างไม่มีใครคาดคิดในฤดูกาล 2015/16 ภายใต้การนำของ เคลาดิโอ รานิเอรี (Claudio Ranieri) นับเป็นการตกชั้นครั้งที่สองในรอบเพียงสามฤดูกาล แสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นคงและความผันผวนที่เกิดขึ้นกับสโมสรในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สถิติของ ฟาน นิสเตลรอย ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาแทนที่ สตีฟ คูเปอร์ (Steve Cooper) ซึ่งถูกปลดหลังคุมทีมได้เพียง 157 วัน นั้นน่าผิดหวังอย่างยิ่ง จิ้งจอกสยาม ภายใต้การคุมทีมของเขาเก็บได้เพียง 8 คะแนนจาก 20 นัด โดยแพ้ไปถึง 16 เกมจาก 18 เกมล่าสุด และสถิติที่น่าอับอายที่สุดคือการไม่สามารถทำประตูในการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก บนสนามเหย้าติดต่อกัน 9 นัด ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของการแข่งขันระดับสูงสุดของ อังกฤษ (England) ความผิดหวังของแฟนบอล เลสเตอร์ ได้ปรากฏชัดเจนในเกมล่าสุดที่พ่ายแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล (Liverpool) 0-1 ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม (King Power Stadium) ซึ่งเป็นเกมที่ยืนยันการตกชั้นของพวกเขา โดยมีเครื่องบินเล็กลำหนึ่งบินอยู่เหนือสนามก่อนเริ่มเกม พร้อมกับป้ายที่มีข้อความว่า "คิง เพาเวอร์ ไร้สมอง ไล่บอร์ดออกไป" แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างรุนแรงของแฟนบอลที่มีต่อการบริหารงานของสโมสร ปัญหาหลักที่นำไปสู่สถานการณ์อันเลวร้ายนี้มีหลายประการ ทั้งการขาดความต่อเนื่องในการบริหารงาน การเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมบ่อยครั้ง นโยบายการซื้อนักเตะที่ไม่ประสบความสำเร็จ และความล้มเหลวในการทดแทนผู้เล่นคนสำคัญที่ย้ายออกไป เช่น เจมส์ แมดดิสัน (James Maddison), ฮาร์วีย์ บาร์นส์ (Harvey Barnes) และ ยูริ ทีเลอมันส์ (Youri Tielemans)

ความท้าทายในการกลับสู่ พรีเมียร์ลีก อีกครั้ง หลังเคยทำได้มาก่อนหน้านี้

การตกชั้นสู่ แชมเปี้ยนชิพ นำมาซึ่งความท้าทายใหม่สำหรับ เลสเตอร์ ซิตี้ การแข่งขันในลีกดิวิชั่นที่สองของ อังกฤษ เป็นเรื่องที่ยากลำบาก มีทีมจำนวนมากที่มีความทะเยอทะยานและพร้อมลงทุนเพื่อเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ทุกทีมที่ตกชั้นจะสามารถกลับขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว บางทีมต้องใช้เวลาหลายปีหรือแม้แต่หลายทศวรรษกว่าจะได้กลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง นอกจากนี้ เลสเตอร์ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการรักษาผู้เล่นดาวเด่นที่เหลืออยู่ในทีม เช่น เจมี่ วาร์ดี้ (Jamie Vardy), และ วิลเฟร็ด เอ็นดิดี้ (Wilfred Ndidi) ซึ่งอาจมีความต้องการที่จะเล่นในระดับ พรีเมียร์ลีก ต่อไป และอาจถูกทีมอื่นๆ ดึงตัวไป ขณะที่ ฟาน นิสเตลรอย ยังรอการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของเขากับ เลสเตอร์ ซิตี้ คณะผู้บริหารของสโมสรกำลังพิจารณาทางเลือกหลายทาง พวกเขาอาจเลือกที่จะให้โอกาส ฟาน นิสเตลรอย ต่อไป โดยหวังว่าประสบการณ์ของเขาในฐานะผู้เล่นระดับสูงและการทำงานร่วมกับโค้ชชั้นนำอย่าง เอริค เทน ฮาก (Erik ten Hag) ที่ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น (PSV Eindhoven) จะช่วยให้เขาสามารถพัฒนาทีมและนำพวกเขากลับสู่ พรีเมียร์ลีก ได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็อาจเลือกที่จะหันไปหาผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์มากกว่าในการนำทีมเลื่อนชั้น ชื่อที่ถูกกล่าวถึงรวมถึง เดวิด แวกเนอร์ (David Wagner), คาร์ลอส คอร์เบรัน (Carlos Corberán) และ ฟร้องค์ แลมพาร์ด (Frank Lampard) ซึ่งล้วนมีประสบการณ์ในการคุมทีมใน แชมเปี้ยนชิพ มาก่อน เลสเตอร์ ซิตี้ สามารถเรียนรู้จากทีมอื่นๆ ที่เคยประสบกับสถานการณ์คล้ายกัน ทีมอย่าง นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด (Newcastle United), แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) และ ฟูแล่ม (Fulham) ล้วนเคยตกชั้นและสามารถกลับมาได้ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ การลงทุนอย่างชาญฉลาด และความอดทน กุญแจสำคัญสำหรับความสำเร็จใน แชมเปี้ยนชิพ คือการสร้างทีมที่มีความสมดุลระหว่างประสบการณ์และพลังของเยาวชน การพัฒนาระบบการฝึกอบรมเยาวชนที่แข็งแกร่ง และการมีสไตล์การเล่นที่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ สโมสรที่ประสบความสำเร็จใน แชมเปี้ยนชิพ มักจะเป็นทีมที่มีเอกลักษณ์ทางการเล่นที่ชัดเจนและสามารถปรับตัวให้เข้ากับความ ทางเข้าsbo888 ท้าทายของลีกที่แตกต่างกันได้ ไม่ว่า ฟาน นิสเตลรอย จะอยู่ต่อหรือไม่ก็ตาม เลสเตอร์ ซิตี้ จะต้องเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลที่ยากลำบากใน แชมเปี้ยนชิพ การแข่งขันที่เข้มข้นกว่าและตารางการแข่งขันที่แน่นขึ้น (46 นัดต่อฤดูกาล เทียบกับ 38 นัดใน พรีเมียร์ลีก) จะเป็นความท้าทายใหม่สำหรับนักเตะและทีมงาน ทางเข้าsbo888 เป้าหมายหลักจะต้องเป็นการเลื่อนชั้นกลับสู่ พรีเมียร์ลีก ในทันที แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย ในขณะที่บางทีมอย่าง นอริช ซิตี้ (Norwich City) และ ฟูแล่ม (Fulham) ดูเหมือนจะเป็น "ทีมลิฟต์" ที่เลื่อนขึ้นลงระหว่าง พรีเมียร์ลีก และ แชมเปี้ยนชิพ อยู่เป็นประจำ ทีมอื่นๆ อย่าง ซันเดอร์แลนด์ (Sunderland) กลับต้องใช้เวลาหลายปีในการต่อสู้เพื่อกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง การตกชั้นครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์ของ เลสเตอร์ ซิตี้ การตัดสินใจในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้าจะกำหนดทิศทางของสโมสรในอีกหลายปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของ ฟาน นิสเตลรอย การเสริมทัพในช่วงซัมเมอร์ หรือกลยุทธ์การพัฒนาเยาวชน สำหรับแฟนบอล เลสเตอร์ ซิตี้ พวกเขาจะหวังว่าการตกชั้นครั้งนี้จะเป็นเพียงก้าวถอยหลังชั่วคราวเท่านั้น และสโมสรจะสามารถกลับมาสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้งในไม่ช้า ประวัติศาสตร์อันยอดเยี่ยมของสโมสร โดยเฉพาะการคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อย่างน่าประทับใจในปี 2016 ยังคงเป็นแรงบันดาลใจและความหวังสำหรับอนาคต แม้ว่าในตอนนี้ทุกอย่างจะดูมืดมนก็ตาม ในขณะที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เตรียมพร้อมสำหรับเกมสุดท้ายของฤดูกาลนี้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน (Wolves) ที่สนาม โมลินิวซ์ (Molineux) ในวันเสาร์นี้ แฟนบอลและทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรต่างก็รอคอยการประกาศเกี่ยวกับอนาคตของ ฟาน  นิสเตลรอย และทิศทางที่สโมสรจะก้าวเดินต่อไป